บทความฟุตบอล เชลซี กับจุดอ่อนสำคัญที่ทำให้พวกเขาล้มเหลวในฤดูกาลนี้

บทความฟุตบอล เชลซี ในตอนนี้อาจจะทำให้แฟนบอลของพวกเขาต่างกุมขมับกันเป็นแถบ หลังที่ช่วงก่อนหน้านี้พวกเขาทำผลงานไม่ค่อยดีจากการพ่ายไปแล้วกว่า 2 จาก 6 เกมแรกของฤดูกาล แถมเกมที่ชนะก็ใช่ว่าจะทำผลงานได้ดี โดย 3 เกมที่สามารถเก็บคะแนนได้นั้นก็ชนะมาแบบฉิวเฉียดทั้งนั้น และในเกมล่าสุดที่พวกเขาเจอกับ “เวสต์แฮม” บุกมาแบ่งแต้มแต่สุดท้ายก็ยังหนีตายมาได้แบบไม่แบบหวุดหวิด

ถึงแม้ว่าบางคนจะบอกว่านี่มันก็ไม่ได้เลวร้ายเท่าใดนักถึงผลงานพวกเขาจะไม่ดีพอ แต่ก็ยังเกาะกลุ่มหัวตารางเอาไว้ได้ อย่างไรก็ตามหากเรามองถึงมูลค่าที่เขาลงทุนไปกว่า 250 ล้านปอนด์ ที่นับว่าสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของสโมสร และมากที่สุดในบรรดาทุกทีมบนโลกในตอนนี้ช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมานั้น หลายคนอาจจะคาดหวังอะไรที่มันดีมากกว่าที่เป็นอยู่ในตอนนี้

ซึ่งสิ่งที่ทำให้ผลงานของทัพ “สิงห์บลู” ยังไม่เข้าขั้นนั้นดูจะมีหลายประเด็นเหลือเกิน โดยเรื่องหนึ่งที่ดูจะเป็นปัญหาใหม่แต่กลับส่งผลกระทบต่อทีมเป็นอย่างมากเลยคือ แผงหลัง พวกเขามีหลังบ้านที่ไม่แน่นหนาซึ่งต่างไปจากฤดูกาลก่อนหน้านี้อย่างชัดเจน

ผลงานใน 6 นัดแรกของพวกเขา สามารถเก็บคลีนชีทมาได้เพียงเกมเดียวเท่านั้น นั่นก็เจอศึก “เอฟเวอร์ตัน” 0-1 แต่หลังจากนั้น 5 เกม พวกเขาโดนยิงไปถึง 9 ประตูด้วยกัน ทั้งที่ก่อนหน้านี้ตั้งแต่การมาของ “โธมัส ทูเคิล” นั้นเคยได้ขึ้นชื่อว่าเกมรับเหนียวมาก ๆ โดยนายใหญ่ชาวเยอรมันได้วางระบบแผงหลังไว้แข็งแกร่งมากจนเหมือนเป็นคนละทีม หากเทียบกับยุคของ “แฟรงค์ แลมพาร์ด” การมี “เอดูอาร์ด เมนดี้” เจ้าของรางวัลผู้รักษาประตูยอดเยี่ยมของ “ยูฟ่า” มายืนคุมเสา กับสามประสานแดนหลังอย่าง เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า ติอาโก้ ซิลวา และ อันโตนิโอ รือดิเกอร์ บวกกับ มี จอร์จินโญ และ เอ็นโกโล ก็องเต้ เป็นตัวสกรีนในแดนกลาง เคยส่งให้พวกเขาเป็นแชมป์ยูโรปมาแล้วแท้ ๆ

แล้วอะไรทำให้พวกเขาเป็นอย่างนี้?!

สิ่งแรกที่เราเห็นได้เลยคือ การจากไปของ “อันโตนิโอ รือดิเกอร์” และ “อันเดรส คริสเตสเซน” 2 กองหน้าคู่บุญของทีมที่เพิ่งหมดสัญญาไป การขาดสองรายนี้ไปโดยเฉพาะ “รือดิเกอร์” ที่โดดเด่นทั้งรุก และรับนั้น มีสิ่งหนึ่งที่ไม่ว่าจะกองหน้า หรือกองหลังคนใหม่จะเก่งขนาดไหนก็จะไม่มีแน่นอน นั่นคือประสบการณ์การเล่นร่วมกับทีมที่ทั้ง “คริสเตนเซน” และ “รือดิเกอร์” ใช้เวลาคลุกคลีมากกว่า 5 ปี ในสโมสรแห่งนี้

ประการถัดมานั่นคือนักเตะตัวแทนยังจำเป็นต้องใช้เวลาปรับตัว แน่ๆว่าการทุ่มซื้อ เวสลีย์ โฟฟานา คาลิดู คูลิบาลี หรือแม้กระทั้งวิงแบ็คคนใหม่อย่าง มาร์ค คูคูเรญา สโมสนจะหมดเงินไปจำนวนมาก แต่ว่านั่นไม่ได้แปลว่าพวกเขาจะสามารถชดเชยนักเตะชุดเดิมได้อย่างไร้ที่ติ โดยเฉพาะกับการที่พยายามเข็นแข้งรายใหม่ลงในสนามทันทีทันควันแบบพร้อมเพียงกันอย่างที่กำลังเป็นอยู่ ย่อมมีผลต่อวิธีการเล่นแบบดั้งเดิมของพวกเขาแน่ๆ คูลิบาลี ยังจำต้องใช้เวลาปรับตัวกับบอลอังกฤษรวมถึงวิธีการเล่นรวมทั้งสปีดบอล ส่วน โฟฟานา และ คูคูเรญา แม้จะเคยผ่านการลุยศึก พรีเมียร์ลีก มาก่อนแล้ว แต่ว่านี่ก็เป็นครั้งแรกที่ได้ร่วมงานกับ ทูเคิล ทำให้ยังมีวิธีการเล่นหลายๆอย่างจำต้องปรับเปลี่ยนไปจากการเล่นให้สังกัดเดิมเดิม ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือการส่ง เบน ชิลเวลล์ ที่ถูกฟักฟูมมาก่อนแล้วลงเล่นในเกมกับ เวสต์แฮม แม้ฝีเท้าจะระดับใกล้เคียงกันกับ คูคูเรญา แต่ว่าการเคลื่อนที่และความเข้าใจในระบบทำให้เจ้าตัวสามารถสร้างความแตกต่างได้อย่างชัดเจนจนกระทั่งมีส่วนกับ 2 ประตู ยิงหนึ่งจ่ายหนึ่งพาทีมพลิกกลับมาชนะได้อย่างหวุดหวิดในที่สุด

อายุก็มีส่วน ยิ่งอายุมาก นั่นก็ยิ่งหมายความว่ามันก็ต้องยิ่งมีประสบการณ์นับว่าเป็นเรื่องที่ดี แต่ว่าถ้าหากมากเกินไปก็อาจจะไม่ไหว ซึ่งการที่ทีมจะส่ง ติอาโก้ ซิลวา ลงร่วมกับ อัซปิลิกวยต้า และ คูลิบาลี ถึงแม้เปี่ยมไปด้วยประสบการณ์และพกกลเม็ดเด็ดพรายมาใช้งาน แต่ด้วยอายุที่รวมกันแตะหลัก 100 ปีนั้น มันมีผลต่อสภาพร่างกายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทั้งความเร็วความคล่องตัวและความแข็งแกร่งย่อมเป็นรองนักเตะหนุ่ม ๆ ที่กำลังบ้าพลังเป็นธรรมดา โดย ติอาโก้ ซิลวา ที่ยืนโคเวอร์เป็นตัวสุดท้ายอาจไม่เห็นผลเพราะสามารถใช้ความนิ่งและความแน่นอนในการช่วยซ้อนและเก็บตก แต่สำหรับอีกสองเซ็นเตอร์ด้านข้างนั้นมีผลอย่างมากกับหน้าที่การเข้าไปประจันหน้าดวลตัวต่อตัวกับแนวรุกที่บุกเข้ามาเป็นรายแรก ๆ คูลิบาลี ที่พอจะมีร่างกายที่กำยำตามสไตล์คนเชื้อสายแอฟริกันยังอาจพอจะถูไถไปได้บ้าง แต่สำหรับ อัซปิลิกวยต้า ดูจะอาการหนักชัดเจนหากต้องเจอกับนักเตะที่มีความเร็ว จนทำให้ก่อนหน้านี้ ทูเคิล ต้องให้ รีซ เจมส์ มาเล่นเซ็นเตอร์แทนบ่อย ๆ และบางครั้งถึงขนาดยอมปรับไปยืนเป็นแบ็คโฟร์ทั้งที่รู้ว่าไม่ใช่แนวที่ถนัดและไม่ใช่การแก้ปัญหาอย่างตรงจุด