บทความฟุตบอล วิม ยานเซ่น ตำนานผู้ล่วงลับ ของ “เซลติก”

บทความฟุตบอล วิม ยานเซ่น

บทความฟุตบอล วิม ยานเซ่น ตำนานมิดฟิลด์ตลอดการของ “เซลติก”
สียชีวิตด้วยวัย 75 ปี ด้วยโรคสมองเสื่อม เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2565

บทความฟุตบอล วิม ยานเซ่น มิดฟิลด์ร่างเล็กที่ถือเป็นหนึ่งในคีย์มันของทัพ “อัศวินสีส้ม” ชุดรองแชมป์โลกปี 1974 และ 1978 รวมไปถึงการเป็นนักเตะระดับตำนานของ “เฟเยนูร์ด” ด้วยการพาทีมคว้าแชมป์ เอเรดิวิซี่ ถึง 4 สมัย , ดัตซ์ คัพ 1 สัมย รวมไปถึง แชมป์ ยูโรเปี้ยน คัพ , ยูฟ่า คัพ และ อินเตอร์คอนติเนนทัล คัพ อย่างละสมัย

แต่ทว่าอีกหนึ่งบทบาทที่ผู้คนจากทั่วทุกมุมโลกจดจำ “ยานเซ่น” ได้เป็นอย่างดีในโลกของฟุตบอลแล้วก็คือตำแหน่งผู้จัดการทีม ซึ่งจริง ๆ ก็นับว่าไม่ประสบความสำเร็จมากมายเหมือนสมัยที่ยังค้าแข้งกับ “เฟเยนูร์ด” ที่คว้าแชมป์บอลถ้วย 2 สมัย หรือ “โลเคอเรน” สโมสรจากลีกดัตช์ กับ “ซานเฟรเซ่ ฮิโรชิม่า” ในญี่ปุ่น ที่ไม่มีแชมป์ติดมือกลับบ้านมาเลย

อย่างไรก็ตาม สำหรับแฟนบอล “กลาสโกว เซลติก” แล้ว อดีตกองกลางผู้วายชนม์ถือเป็นหนึ่งในตำนานตลอดการของสโมสรอย่างแท้จริง แม้ว่าจะคุมทีมแค่ฤดูกาลเดียวเท่านั้น ว่าแต่ทำไมแฟนบอล “ม้าลายเขียวขาว” จึงคิดเช่นนั้น วันนี้ทาง Sport88 จะพาคุณไปฟังเรื่องราวของพวกเขาให้มากกว่านี้กัน ถ้าพร้อมแล้วเราไปอ่านกันต่อเลยดีกว่า

เคยเกือบสิ้นเนื้อประดาตัว

 

หากใครได้ติดตามข่าวฟุตบอลในช่วงนั้นจะทราบกันดีว่าใน “สกอตติช พรีเมียร์ลีก” มีเพียง 2 ทีมเท่านั้นที่มีสิทธิ์ลุ้นแชมป์ได้ในปีนั้น นั่นก็คือ “กลาสโกว เรนเจอร์” และ “กลาสโกว เซลติก” ซึ่งการห่ำหั่นนี้เกิดขึ้นมาอย่างยาวนานตั้งแต่ยุคก่อตั้งลีกในสกอตแลนด์ และมันยังคงดำเรื่อยมาจนถึงยุคปัจจุบัน แม้จะมีบางทีมหลุดโผขึ้นมาเป็นม้ามืดคว้าแชมป์ได้บ้าง แต่สุดท้าย 2 สโมสรจากกลาสโกวก็กลับมาทวงบรรลังแชมป์ในวงการลูกหนังแดนวิสกี้อยู่ดี

แน่นอนว่าทั้ง “เซลติก” และ “เรนเจอร์ส” ที่ทำศึกกันมานานร่วมทศวรรษ ก็มีบางช่วงที่ทีมใดทีมหนึ่งต่างครองความเป็นหนึ่งในประเทศได้อย่างชัดเจน และคงไม่ผิดนักหากจะบอกว่าช่วงปลายยุค 80s – 90s คือช่วงที่ “เรนเจอร์ส” มีความยิ่งใหญ่เหนือกว่า “เซลติก” อย่างชัดเจน

ทัพ “ม้าลายเขียวขาว” คว้าแชมป์ลีกครั้งสุดท้ายในปี 1988 รวมถึงแชมป์ “สกอตติช คัพ” ในปีเดียวกัน ทว่าหลังจากนั้นทีมก็ตกต่ำลงเป็นอย่างมาก จึงไม่แปลกใจที่จำเสียตำแหน่งอันดับหนึ่งของลีกให้กับ “เรนเจอร์ส” คู่ปรับตลอดกาลของพวกเขาในเวลาต่อมา

เมื่อไร้ความสำเร็จ นั่นหมายความว่าปัญหาใหญ่ของพวกเขาในตอนนี้คือการขาดรายได้ มันจึงส่งผลให้ “เซลติก” มีหนี้ก้อนใหญ่สะสมขึ้นเรื่อย ๆ จนมีท่าทีว่าจะไปต่อไม่ไหว

อย่างไรก็ตาม “เฟอรืกัส แม็คเคนน์” นักธุรกิจเชื้อสายสกอต แคนาเดี่ยน ก็เข้ามากู้วิกฤตทางด้านการเงินของพวกเขาด้วยการเทคโอเวอร์ “เซลติกๅ” ในปี 1994 ด้วยจำนวนเงินกว่า 9 ล้านปอนด์ แทนที่ กลุ่มครอบครัวตระกูล เคลลี่ , ไวท์ และ แกรนท์ ที่เป็นเจ้าของสโมสรมานานเกือบทศวรรษโดยมีรายงานว่าการเข้ามาของ “แม็คเคนน์” ช่วยให้ทีมหนีวิกฤตการล้มละลาย

นอกจากนี้ “แม็คเคนน์” ยังได้ก่อตั้งธุรกิจสโมสรขึ้นใหม่ในฐานะบริษัทมหาชน ในนาม “เซลติก พีแอลซี” และจัดการยกเครื่องรังใหม่ให้เป็นสนามแบบนั่งทั้งหมด จนมีความสามารถจุผู้ชมได้สูงสุด 60,832 ที่นั่ง

ออกสตาร์ทได้ไม่ดีนัก

บทความฟุตบอล วิม ยานเซ่น

ถึงว่าปัญหาทางการเงินของพวกเขาจะหมดไป แต่ความสำเร็จที่มีเพียงถ้วย “สกอนติช คัพ” ในปี 1995 ก็ส่งผลให้ “แม็คเคนน์” ถูกเหล่าบรรดาแฟนบอลวิพากษ์วิจาร์ณกันไปไปไม่น้อย และมองว่าเขาสนใจแต่เรื่องธุรกิจจากสโมสรมากจนเกินไป จนละเลยเรื่องในสนามไปอย่างสิ้นเชิง

ส่งผลให้ตำแหน่งผู้จัดการทีมมีการเปลี่ยนแปลงอีกครั้งในรอบ 3 ปี เมื่อ “ทอมมี่ เบิร์นส์” ที่ถูกปลดจากตำแหน่งกุนซือในปี 1997 ก่อนที่สโมสรจะจัดตั้ง “วิม ยานเซ่น” ขึ้นมาเป็นกุนซือคนใหม่ ซึ่งในตอนนั้นถือว่าเขาเป็นกุนซือคนแรกของสโมสรที่มาจากนอกสหราชอาณาจักร และไอร์แลนด์

กุนซือชาวดัตช์ รายนี้ได้ลิสต์รายการจัดทัพกันยกใหญ่ด้วยการคว้า ดาร์เรน แจ็คสัน , เคร็ก เบอร์ลีย์ , สเตฟาน มาเห่ , เรจี้ บลิงเกอร์ , พอล แลมเบิร์ต , โจนาธาน กูลด์ , มาร์ค รีเปอร์ รวมไปถึง เฮนริค ลาร์สสัน ดาวรุ่งที่เขาเคยได้ฝึกสอนมากับมือในสมัยที่ยังคุม “เฟเยนูร์ด” ให้มาเปิดโลกในแดนวิสกี้ด้วยกัน

ถึงแม้ว่าจะมีการรีโนเวททัพกันยกใหญ่ไปแล้ว แต่ผลงานในช่วงเริ่มต้นฤดูกาล 1997 – 1998 ของ “เซลติก” ต้องบอกว่าย่ำแย่ ด้วยการแพ้ 2 นัดต่อ “ฮิเบอร์เนี่ยน” และ “ดันเฟิร์มลีน” ตามลำดับ ซึ่งแตกต่างจขากคู่แข่งตลอดการของพวกเขาอย่าง “เรนเจอร์ส” ของ “วอลเตอร์ สมิธ” ที่เล่นได้สมราคาเต็งแชมป์ ซึ่งกดไป 8 ประตู ได้ใน 2 เกม แรกเท่านั้น

จากเหตุการณ์ในครั้งนี้ผู้คนต่างมองว่ายุคมืดของ “เซลติก” อาจจะหวนกลับมาอีกครั้ง หลังจากที่ไม่สามารถไล่ตามคู่แข่งร่วมเมืองอย่าง “เรนเจอร์ส” ได้อีกในฤดูกาลนี้

กลับมาทวงบัลลังก์แชมป์ในรอบ 10 ปี

อย่างไรก็ตามในช่วงเวลาถัดจากนั้น “ยานเซ่น” ก็ค่อย ๆ ปลุกปั้น และขัดเกลาฝีมือฟอร์มของทีมในนัดต่อ ๆ มา ร่วมไปถึงนักเตะรุ่นเก๋าของทีมเริ่มปรับตัวกับแผนการเล่นของกุนซือชาวดัตช์รายนี้ได้จนสามารถทำผลงานได้ดีขึ้น

โดยเฉพาะ “ลาร์สสัน” ที่เจอฝันร้ายในช่วงต้นฤดูกาล ทั้งการจ่ายบอลให้คู่แข่งจนเสียประตูไปอย่างง่ายดายในเกม “ฮิเบอร์เนี่ยน” หรือการพลาดท่าทำบอลเข้าประตูตัวเองในเกม “ยูฟ่า คัพ” รอบคัดเลือกที่เจอกับ “ทิรอล อินส์บรุค” ก็ได้รับความเชื่อมั่นจาก กุนซือแดนกังหันลมจนสามารถพิสูจน์ตนได้ให้เห็นแล้วว่า ตัวเขาเองก็สามารถกลายเป็นแนวรุึกคนสำคัญให้กับทีมได้ในเวลาต่อมา

บวกกับการที่ “เรนเจอร์ส” มาตราฐานตกต่ำลงจากฤดูกาลที่ผ่านมาเป็นอย่างมาก ทำให้ “เซลติก” มีโอกาสทำคะแนนไล่จี้ท้ายได้อยู่เรื่อย ๆ จนทั้งกระทั่งในเกม “โอลด์ เฟิร์ม ดาร์บี้” นัดที่ 2 ของฤดูกาล ซึ่งทัพ “ม้าลายเขียวขาว” สามารถคว้าคะแนนไปจาก “เบอร์ลีย์” และ “แลมเบิร์ต” ด้วยสกอร์ 2-0 ส่งผลให้พวกเขาทะยานสู่หัวตารางในที่สุด

ทแต่ทว่ามีหรือที่ทีมคู่แข่งตลอดการอย่าง “เรนเจอร์ส” จะยอมดูอยู่เฉย ๆ พวกเขาได้เร่งฝีเท้าอย่างสุดกำลังไล่ตามพวกเขามาติด ๆ ในเกมต่อมา พร้อมทั้งยังเบียดกันขึ้นมาเป็นจ่าฝูงนับตั้งแต่เดือนมกราคมเป็นต้นมา

อย่างก็ตามในช่วงโค้งสุดท้ายของการแข่งขัน ถือว่าเป็นช่วงที่ต้องจับตาดูให้ดี เนื้องจากทั้ง 2 ทีมต่างผลัดกันทำแต้มหล่นแบบไม่น่าเชื้อในบางนัดทำให้คะแนนมีช่องว่างห่างกันไม่กี่แต้มเท่านั้น

แต่การพลาดท่าพ่าย “อเบอร์ดีน” ในเกมนัดที่ 33 ส่งผลให้ “เรนเจอร์ส” ต้องเสียคำแนนในการแซงคู่แข่งพวกเขาไปเป็นจำนวนมาก และในครั้งนั้นก็ทำให้ “เซลติก” สามารถไล่ตามมาทันทีที่ 66 คะแนนเท่ากัน

จริง ๆ แล้วในช่วงก่อนหน่้านี้ “เซลติก” เป็นฝ่ายพลาดท่าก่อนด้วยซ้ำ จากการเสมอ 2 เกมติดกับ “ฮิเบอร์เนี่ยน” และ “ดันเฟิร์มลิน” แต่การที่ทีมของ “สมิธ” พลาดท่าพ่าย “คิลมาร์น็อค” ในเกมรองสุดท้ายทำให้พวกถูกส่งลงมารั้งอันดับ 2 ในทันที

สรุปสุดท้าย “เซลติก” ได้ผงาดขึ้นมาคว้าแชมป์ลีกสกอนแลนด์ในนัดสุดท้าย หลังเอาชนะ “เซนต์ จอห์นสโตน” ด้วยสกอร์ 2 – 0 ซึ่งนอกจากจะเป็นการหยุดสถิติคว้าแชมป์ลีกในรอบ 10 ปี ของ “เรนเจอร์ส” ได้แล้ว นี่ยังเป็นแชมป์ลีกครั้งแรกในรอบทศวรรษอีกด้วย

ผู้ที่จะเป็นตำนานในดวงใจตลอดไป

บทความฟุตบอล วิม ยานเซ่น

ไม่เพียงแค่นั้น “ยานเซ่น” พาทีมคว้าแช้มป์สองสมัยในฤดูกาลเดียวกันด้วยการเอาชนะ “ดันดี ยูไนเต็ด” ด้วยสกอร์ 3 – 0 ใน “สกอตติช ลีก คัพ” และเกือบคว้าทริปเปิ้ลแชมป์อีกด้วย หากไม่พ่ายต่อ “เรนเจอร์ส” ในรอชิง “สกอตติช คัพ” เสียก่อน

ถึงแม้ในปีนั้นพวกเขาจะประสบความสำเร็จมากน้อยเพียงใด ตัดภาพมาที่กุนซือชาวดัตช์ ก็ได้ออกมาขู่ว่าจะลาออก เนื่องจากเกิดความยากลำบากในการทำงานร่วมกับ “จ็อค บราวน์” ผู้จัดการทีมทั่วไปของสโมสร และ “แม็คแคนน์” เจ้าของทีม

สุดท้ายแล้ว “ยานเซ่น” ก็เลือกที่จะหันหลังให้สโมสรด้วยการลาออกจากตำแหน่ง หลังพาทีมคว้าแชมป์ลีกได้เพียง 2 วัน โดยที่ “เมอร์โด้ แม็คเลาด์” มือขวาของกุนซือชาวดันช์รายนี้ ก็โดนไล่ออกทันทีหลังจากนั้น 1 สัปดาห์

ฤดูกาลที่ 1998 – 1999 “โยเซฟ เวนโฟลส” กุนซือชาวสโลวัก เข้ามาคุมทัพในถิ่น “เซลติก ปาร์ค” ซึ่งไม่เป็นที่ปลื้มใจของแฟนบอลเท่าไหร่นัก เพราะว่า “เวนโกลส” นำทีมตกรอบบอลถ้วนในทุกรายการ ทั้งยังปล่อยให้ทีมคู่แข่งตลอดการอย่าง “เรนเจอร์ส” แย่งตำแหน่งแชมป์ลีกกลับไปอีกครั้ง

และการที่ปล่อยให้กุนซือที่ไม่เคยประสบความสำเร็จที่ไหนมาก่อนอย่างเข้าคุมทัพ ผลมันจึงออกมาล้มเหลวอย่างที่หลาย ๆ คนคาดไว้ พร้อทั้งถูกปลดออกจากตำแหน่งกุนซือในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2000 จน “เคนนี่ ดัลกลิช” ต้องทำหน้าที่ขัดตาทัพ

กว่าที่ “เซลติก” จะครองการเป็นเบอร์หนึ่งในลีกสกอตแลนด์ ได้อีกครั้งก็ในช่วงที่ “มาร์ติน โอนีล” เข้ามาในฤดูกาลที่ 2000 – 2001 พร้อมคว้าแชมป์ทริปเปิ้ลลีกตั้งแต่ปีแรก

และการที่ “ม้าลายเขียวขาว” มาถึงจุดนี้ได้ นอกเหนือจาก “แม็คกินน์” ที่ช่วยแก้ปัญหาทางการเงินให้สโมสรแล้ว ชื่อของ “ยานเซ่น” ย่อมมีส่วนสำคัญไม่แพ้กัน ถึงกแม้ว่าการคว้า “ลาร์สสัน” มาร่วมทีม หรือการสู้ไม่ถอยจนพลิกสถานการณ์จนคว้าแชมป์ลีกในรอบ 10 ปี มาได้แล้ว

ด้วยผลงานที่เขาได้สร้างไว้มากมายจึงทำให้แฟนบอลของ “เซลติก” จะจดจำ “ยานเซ่น” ไปตลอดกาล ถึงแม้ว่าเขาจะเข้ามาทำหน้าที่นี้ได้เพียงแค่ฤดูกาลเดียวก็ตาม

 

ติดตามข่าวสารฟุตบอลไปกับเรา คลิก

ห้ามพลาด !!

อัพเดทข่าวสารแวดวงกีฬาพร้อมทีเด็ดแม่นๆจากกูรูชั้นนำ

คลิกเลย @UFA88SV1

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า