บทความฟุตบอล ลิเวอร์พูล

บทความฟุตบอล ลิเวอร์พูล กับ 3 นักเตะแดนกลาง ที่ควรดึงมาร่วมงานด้วย
ก่อนตลาดซื้อขายนักเตะจะปิดตัวลง

บทความฟุตบอล ลิเวอร์พูล แม้จะมีกองกลางชั้นยอดอย่าง ติอาโก้ อัลคันทารา, ฟาบินโญ, เคอร์ติส โจนส์, อเล็กซ์ อ็อกซ์เหลด-แชมเบอร์เลน, ฮาร์วีย์, เอลเลียตต์, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, เจมส์ มิลเนอร์ รวมไปถึง ฟาบิโอ คาร์วัลโญ ที่ทำผลงานไม่ได้แย่ซักเท่าไหร่ แต่หากนักเตะทั้ง 3 รายที่เรากล่าวถึงไม่สามารถลงสนามได้ “ลิเวอร์พูล” จะต้องพบเจอกับสถานการณ์ที่กดดันสูงอย่างเห็นได้ชัด

แดนกลางของ “คล็อปป์” ในศึกแดงเดือดที่ผ่านมาถูก “สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์” ดักทางจนไม่ไปไม่เป็นเลยก็ว่าได้ นั่นก็เป็นสิ่งที่บ่งบอกว่าพวกเขาไม่สามารถแก้ปัญหานี้ได้ขาดอย่างแน่นอน หากพวกเขายังอยู่เฉยแบบนี้ต่อไป

แดนกลางของ เยอร์เก้น คล็อปป์ ในศึกแดงเดือดกลายเป็นถูก สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์ ดักเก็บจนไม่สามารถงัดฟอร์มเก่งได้ดังเดิม นั่นเป็นสัญญาณของปัญหาที่ หงส์แดง จะประสบต่อเนื่องไปจนถึงสิ้นสุดฤดูกาลนี้หากพวกเขายังคงใจเย็นไม่คว้ากองกลางรายใหม่เสริมทัพ

และนี่ก็คือ 3 นักเตะที่น่าสนใจ ที่ควรค่าแก่การนำมาเสริมทัพ “หงส์แดง” ในตอนนี้ ซึ่งจะมีใครบ้างนั้นเราไปดูพร้อม ๆ กันเลยดีกว่า

นิโคโล บาเรลลาบทความฟุตบอล ลิเวอร์พูล

ฟอร์มที่ดรอปลงในแดนกลางของ “ลิเวอร์พูล” หลังจากจบศึกแดงเดือด กลายเป็นสิ่งที่หลาย ๆ คนตั้งคำถามว่าเกิดอะไรกับพวกเขา

ซึ่ง “นิโคโล บาเรลลา” อาจจะเป็นสิ่งที่ทัพ “หงส์แดง” ต้องการมากที่สุด เพื่อมารับบทบาทเป็นกองกลางตัวขับเคลื่อนเกม โดยมีจุดเด่นคือทักษะการพาบอลไปด้วยนั่นเอง

กองกลางวัย 25 ปี รายนี้เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ดีที่สุดใน 5 รายชื่อนี้ แต่ทว่าเจ้าตัวยังมีสัญญาระยะยาวกับ “เนรัซซูรี” ยาวถึงปี 20226 และมูลค่าที่ถูกประเมินโดย transfermarkt นั้นก็สูงถึง 63 ล้านปอนด์ ด้วยราคานี้อาจจะทำให้พวกเขาต้องหนักอย่างแน่นอน

มาร์เซโล โบรโซวิช

บทความฟุตบอล ลิเวอร์พูล

นี่ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกจากทีม “อินเตอร์” แต่ทว่าเขาเป็นแข้งที่มีสไตล์ต่างไปแจกตัวเลือกแรก

ในขณะที่ทางด้านของ “บาเรลลา” จะเด่นไปทางด้านการเคลื่อนไหวแบบบ็อกซ์ทูบ็อกซ์ ส่วน “มาร์เซโล โบรโซวิช” เป็นโฮลดิ้งมิดฟิลด์ที่ปักหลักอยู่แนวรับคอยปัดป้องเกมรุกของทีมคู่แข่งอย่างดุดัน พ่วงการเซ็ตเกมอย่างแบบขรึม ๆ

ด้วยวัย 29 ปี และการอยู่คู่กับ “อินเตอร์” มายาวถึง 9 ปี ทำให้มีความเป็นไปได้ที่เจ้าตัวจะต้องการหาประสบการณ์ใหม่ ๆ แต่ทว่าปัญหามันอยู่ที่ทัพ “งูใหญ่” เพิ่งจะคว้าตัวเขาไป และติดสัญญายาวถึงปี 2026

ยูริ ติเลอมันส์

บทความฟุตบอล ลิเวอร์พูล

สำหรับ “ตีเลอมันส์” ได้มีข่าวเชื่อมโยงกับหลากหลายทีมในตลาดซื้อรอบนี้ โดยเฉพาะกับ “อาร์เซนอล” แต่ทว่า “เลสเตอร์ ซิตี้” ยังพยายามที่จะไม่ปล่อยตัวจอมทัพวัย 25 ปี รายนี้ให้ย้ายออก

สัญญาปัจจุบันของทีมชาติ เบลเยี่ยม กับ “เลสเตอร์ ซิตี้” กำลังจะสิ้นสุดลงในช่วงฤดูร้อน 2023 นี้ และทัพ “จิ้งจอกสยาม” จำเป็นต้องตัดสินใจอย่างเร่งด่วนถึงอนาคตของ “ตีเลอมันส์” หากไม่ต้องที่จะเสียแข้งที่พวกเขาทุ่มเงินไปกว่า 40 ล้านปอนด์ เมื่อปี 2019 ไปแบบไม่ได้อะไรกลับมาเลย

 

ติดตามข่าวสารฟุตบอลไปกับเรา คลิก

ห้ามพลาด !!

อัพเดทข่าวสารแวดวงกีฬาพร้อมทีเด็ดแม่นๆจากกูรูชั้นนำ

คลิกเลย @Gurusportv1

บทความฟุตบอล ลิเวอร์พูล

บทความฟุตบอล ลิเวอร์พูล พอใจกับทัพตัวเองในตอนนี้แล้วจริงหรือ?!

บทความฟุตบอล ลิเวอร์พูล หลังจากที่ถูกคู่แค้นของพวกเขาอย่าง “แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด” โถมประตูใส่ไม่ยั้งในศึกแดงเดือด ที่สนาม “ราชมังคลากีฬาสถาน” เมื่อวานอาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งหลาย ๆ คนอาจจะเกิดคำถามขึ้นว่า นายใหญ่ของทัพ “หงส์แดง” พอใจกับทีมในตอนนี้แล้วจริง ๆ หรือ?

เราต้องย้อนกลับไปในศึกแดดเดือด ที่จัดขึ้นในประเทศไทย ในเกมที่ว่า “เอริค เทน ฮาก” ได้ส่ง 11 นักเตะชุดใหญ่ลงสนามอย่างพร้อมหน้า แต่ทีมชุดแรกของ “เยอร์เก้น คล็อปป์” กลับมีเพียง โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน, หลุยส์ ดิอาซ, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, โจ โกเมซ และ อลิสซอน เบ็คเกอร์ ที่ได้ลงไปซัพพอร์ตแข้งวัยละอ่อน

ซึ่งผลที่ได้ในช่วง 30 นาทีแรก คือ พวกเขาเสียประตูไปถึง 2 ลูก จากความผิดพลาดของเกมรับที่ประกอบด้วยตัวสำรอง และแข้งดาวรุ่ง

หลังจากที่ทีมชุด 2 ลงมาเล่นในนาทีที่ 31-60 เราจะเห็นได้ว่า เจมส์ มิลเนอร์, อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน, โจเอล มาติป, เคอร์ติส โจนส์ และ คอสตาส ซิมิคาส ลงมาเพื่อกู้สถานการณ์ แต่ก็ยังคงเสียประตูไปอย่างรวดเร็วจากความผิดพลาดของ “รีส วิลเลียมส์” จนทำให้ครึ่งแรกโดนนำไปถึง 3-0

ครึ่งหลังมีการเปลี่ยนตัวอีกครั้งในนาทีที่ 61 ได้เห็นทีมชุดเดอะแบกไม่ว่าจะเป็นแผงแบ็คโฟร์อย่าง เวอร์จิล ฟาน ไค์, อิบราฮิมา โคนาเต้, แอนดรูว โรเบิร์ตสัน และ เทรนท์ อาร์โนลด์ ส่วนในแดนมิดฟิลด์ประกอบไปด้วย ฟาบินโญ, นาบี เกอิต้า และ ติอาโก้ อัลคันทารา ด้านบน 3 ตัวมี ดาร์วิน นูนเญซ ที่ได้ประเดิมสนามแรกพร้อมกับ “โม ซาลาห์” และเจ้าหนู “ทอม ฮิลล์”

แต่กลายเป็นว่าชุดนี้เจาะแนวรับของ “แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด” ที่มีดาวรุ่ง และตัวสำรองไม่เข้า แถมโดนประตูที่ 4 จากลูกสวนกลับอีกต่างหาก จบเกมเลยแพ้ยับเยินถึง 4-0

หากดูจากคุณภาพของตัวาสำรองแล้ว “คล็อปป์” น่าจะหาแดนกลางเข้ามาเสริมทัพอีกซักคนคงจะเป็นการดีกว่า

การกระชากตัว “คาร์วิน นูนเญซ” นั้นเป็นเรื่องที่ดีที่ไม่มีใครกล้าปฏิเสธ ถึงว่าจะมีเวลาเพียง 20 กว่านาทีในเกมแรก แต่เขาก็แสดงให้เห็นถึงศักยภาพหลาย ๆ อย่างที่น่าพอใจในเกมรุก ส่วนเสียงค่อน และว่าจะเป็น “นิวแอนดี้ คาร์โรล” หรืออะไรก็ตามแต่ นั่นเป็นเพียงการปั่นกระแสใสโซเชียลมีเดียเท่านั้น

บทความฟุตบอล ลิเวอร์พูล

แต่การที่พวกเขาขาดมิดฟิลด์ตัวกลางในการเสริมทัพ ยังคงเป็นเรื่องที่น่ากังวลใจสำหรับแฟนบอลอยู่ไม่น้อย เมื่อดูจากคุณภาพของแดนกลางในเกมล่าสุด

อย่างไรก็ตามเมื่อดูจากบทสัมภาษณ์ของ “เยอร์เก้น คล็อปป์” ดูเหมือนว่าเขาจะพอใจกับสิ่งที่เขามีอยู่ และสาเหตุที่สำคัญที่ทำให้พ่ายต่อ “แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด” แบบยับเยิน ไม่ใช่เพราะการไม่มีนักเตะหน้าใหม่ในแดนกลาง แต่เป็นเรื่องของระยะเวลาในการเตรียมทีมมากกว่า

“เราควรจะคว้าประตูได้ในช่วง 4 นาทีสุดท้าย แต่ก็อย่างที่ได้เห็นกัน ฟุตบอลคือเกมที่วันกันที่ผลการแข่งขัน และเราก็ทำทุกอย่างเพื่อมัน แต่เรายังต้องเตรียมทีมเพื่อลงเล่นในฤดูกาลใหม่นี้ด้วย”

“เราไม่มีเตรียมตัวก่อนที่จะลงศึกนี้ เราจึงต้องแบ่งออกมาเป็น 3 ทีม ลงเล่นกันทีมละ 30 นาที เรามีเวลาซ้อมเพียง 8 วัน กับนักเตะกลุ่มใหญ่ ส่วนพวกเขาไปเล่นทีมชาติมาก็เพิ่งจะได้ลงซ้อมเพียง 3 วันเท่านั้น”

หากจะบอกว่านี่เป็นเพียงข้อแก้ตัวก็ย่อมได้ แต่ในความเป็นจริงแล้วมันก็ไม่ได้เกินที่นายใหญ่คนนี้ได้กล่าวออกมาเลย

บทความฟุตบอล ลิเวอร์พูล

อย่างไรก็ตาม การตั้งข้อสังเกตในตอนที่ “ลิเวอร์พูล” พ่ายให้กับ “เรอัล มาดริด” ในศึก “ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก” เมื่อปี 2018 จากนั้นพวกเขาก็จัดเต็มซื้อนักเตะแบบแทบจะทุกตำแหน่ง ไล่ไปตั้งแต่ ฟาบินโญ, อลิสซอน เบ็คเกอร์, นาบี เกอิต้า และ เซอร์ดาน ชากิรี ซึ่งหมดไปกว่า 170 ล้านปอนด์

แต่พอแพ้กับให้ “ราชันชุดขาว” รอบชิง UCL เมื่อ 2 เดือนก่อนหน้านี้ กลายเป็นว่าพกวเขาเดินหน้าคว้าตัว 2 ดาวรุ่งอย่าง “ฟาบิโอ คาร์วัลโญ” และ “คาลวิน ฟิลลิปส์” รวมทั้งการทุ่มเงินกว่า 85 ล้านปอนด์ กับ “คาร์วิน นูนเญซ” เท่านั้น ซึ่งตอนแรกก็ดูเหมือนจะพอเพียงกับการลุ้นแชมป์ในฤดูกาลหน้าแล้ว หากแต่พอมาแพ้ให้กับ “แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด” ในฉบับยับเยินถึง 4-0 เหล่าบรรดาลแฟนบอลต่างก็รู้สึกว่าควรมีกองกลางดี ๆ เข้ามาในทีมจริง ๆ

อย่างไรก็ดี “คล็อปป์” ไม่ได้มองว่าการพ่ายในครั้งนี้เป็นเรื่องที่ต้องเก็บมาคิดมากถึงขนาดต้องเสียเงินซื้อนัดเตะรายใหม่มาเสริมทัพ

“สิ่งที่เราได้แสดงให้เห็นก็คือ เราไม่ได้เซ็นสัญญากับนักเตะหน้าใหม่เพราะว่าเราแพ้ต่อ เรอัล มาดริด ในรอบชิง หลายคนมองว่าเราพลาดแชมป์เมเจอร์มา 2 รายการ แต่เราก็รู้ว่าเรื่องแบบนี้มันอยู่ที่โชคชะตา และปัจจัยอื่น ๆ ด้วย”

“ผมมองเห็นการพัฒนาอันยอดเยี่ยม เราสามารถผสมผสานทีมให้ดีขึ้นกว่าเดิมได้ เราทำให้แตกต่างจากเดิม เชื่อมั่นมากกว่าเดิม งบยิ่งกว่าเดิม และมีชีวิตชีวามากกว่าเดิมได้แน่ นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้น”

“คล็อปป์” พยายามบอกกับทุกคนว่า ทีมของเขานั้นพร้อมอยู่แล้วสำหรับทุกตำแหน่ง ไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วง เพียงแต่ต้องใช้วเลาในการหลอมรวมกันให้เป็นหนึ่งเดียวก่อนที่ฤดูกาลใหม่จะประทุขึ้นแค่นั้น

ติดตามข่าวสารฟุตบอลไปกับเรา คลิก

ห้ามพลาด !!

อัพเดทข่าวสารแวดวงกีฬาพร้อมทีเด็ดแม่นๆจากกูรูชั้นนำ

คลิกเลย @Gurusportv1

บทความฟุตบอล ลิเวอร์พูล

บทความฟุตบอล ลิเวอร์พูล กับประเด็นหลังเกมพ่าย “แมนฯ ยูไนเต็ด” 4-0

บทความฟุตบอล ลิเวอร์พูล พบกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในศึก “ฟุตบอลกระชับมิตร” รอบชิงชนะเลิศ วันที่ 12 กรกฏาคม 2022 เวลา 20:00 ตามเวลาประเทศไทย และจบลงด้วยการโดนทัพ “ปีศาจแดง” ถล่มยับถึง 4-0

คล็อปป์ ให้โอกาสแก่ผู้เล่นทุกคน

บทความฟุตบอล ลิเวอร์พูล

นักเตะกว่า 32 รายจากทั้งหมด 37 ราย ที่ “ลิเวอร์พูล” ได้ขนมาแข่งในช่วงพรีซีซั่น เอเชีย ถูก “เยอร์เก้น คล็อปป์” หมุนเวียนใช้งานลงเล่นในเกมที่ “ราชมังคลากีฬาสถาน” ทีมออกสตาร์ทด้วยเหล่าดาวเตะ ร่วมกับนักเตะคู่บุญของทีมอย่าง อลิสซอน เบ็คเกอร์, โจ โกเมซ, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, โรแบร์โต้ ฟิร์มิโน และ หลุยส์ ดิอาซ ก่อนจะเปลี่ยนแข้งเอาท์ฟิลด์ยกชุดหลังเกมผ่านไปครึ่งชั่วโมง และ 1 ชั่วโมงตามลำดับ

นักเตะที่ลงสนามในชุดแรกทำผลงานได้ค่อนข้างดีที่สุดกลายเป็น “หลุยส์ ดิอาซ” ที่วูบวาบกราบซ้าย กระชากเลี้ยงจี้เล่นงาน “อารอน-วาน บิสซาก้า” ได้อย่างต่อเนื่องโดยมี “ฮารวีย์ เอลเลียตต์” ไปกับบอลได้อย่างมั่นใจเกินอายุที่อีกฝั่ง

นักเตะที่ทำผลงานได้ดีในเกมนี้อีกรายในชุดแรก คือ “ฟาบิโอ คาร์วัลโญ” ที่ทักษะการไปกับบอลของเจ้าตัวกลายเป็นไม้เด็ดของทีมที่แดนกลาง

แต่การที่ทีมชุดแรกเสีย 2 ประตูอย่างรวดเร็วตั้งแต่ช่วงต้นจากความผิดพลาด และวินัยเกมรับก็ทำให้ทีมของ “คล็อปป์” ต้องพบกับความยากลำบากในช่วงเวลาที่เหลือ

ทีมชุด 2 เสียประตูไปอย่างรวดเร็ว

บทความฟุตบอล ลิเวอร์พูล

หลังจากที่ “คล็อปป์” ตัดสินใจเปลี่ยนผู้เล่นเอาท์ฟิลด์ทั้ง 10 รายลงสู่สนามเมื่อเกมผ่านไปครึ่งชั่วโมง ทัพ “หงส์แดง” ก็เสียประตู 3-0 ในทันทีจากการเสียบอลที่กลางสนามของ “รีส วิลเลียมส์” ให้กับ “อองโตนี มาร์กซิยาล” คว้าบอลไปล่อเป้า “อลิสซอน เบ็คเกอร์” ก่อนที่เสียงนกหวีดจะเป่าจบในครึ่งแรก

ในทีมชุดนี้ลงมาเล่นครึ่งหลังอีก 15 นาที โดยมีเพียง “อเล็กซ์ อ็อกซ์เหลด- แชมเบอร์เลน” ที่ดูพยายามจะไปกับบอล และสร้างจังหวให้เกิดขึ้นที่ริมเส้นฝั่งขวา แต่บอลสุดท้ายของเจ้าตัวไม่น่าประทับใจเท่าใดนัก ตัดมาที่ “บ็อบบี้ คลาร์ค” แผงหน้าวัย 17 ปี กระตือรือล้นไร่บีบพื้นที่แนวรับทัพ “ปีศาจแดง” อย่างต่อเนื่อง แต่ความแข็งแกร่งของดาวรุ่งรายนี้ก็ไม่เพียงพอที่จะต่อกรกับคู่ปราการหลังสุดแข็งของ “แมนฯ ยูไนเต็ด” ได้

ดาร์วิน นูนเญซ เปิดตัวในทีมชุด 3 ที่มาอาวุธครบมือ

บทความฟุตบอล ลิเวอร์พูล

เหล่านักเตะชุดเดอะแบกของ “คล็อปป์” ส่งลงมาเมื่อเกมผ่านไป 1 ชั่วโมง นำโดย เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ,​ แอนดี้ โรเบิร์ตสัน , ติอาโก้ , นาบี เกอิต้า , โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ ดาร์วิน นูนเญซ

เกมรุกของทัพ “หงส์แดง” ดูดีขึ้นมากกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะเมื่อมี 2 ฟูลแบ็คอย่าง “เทรนท์” และ “ร็อบโบ้” ถูกส่งลงมาในสนาม ทั้งคู่เพิ่มศักยภาพในการขึ้นเกมที่ริมเส้นโดยมี “เกอิต้า” คอยพลิกบอลสร้างจังหวะที่แดนกลางร่วมกับ “ติอาโก้ อัลคันทารา”

ถึงแม้ว่า “ซาลาห์” จะไม่ค่อยได้มีบทบาทในเกมนี้มากนัก เมื่อเจ้าตัวเพิ่งกลับมาลงซ้อมกับทีมได้ไม่กี่วันแต่สตาร์ทีมชาติ อียิปต์ ก็ยังสามารถสร้างโอกาสในการจบสกอร์ได้ใกล้เคียงที่จะเป็นประตูให้เห็นได้

ทางด้านของ “คาร์วิน นูนเญซ” ดาวรุ่งคนใหม่ของทีมดูเหมือนว่าจะต้องใช้เวลาในการปรับตัวอยู่พอสมควร แต่ก็ได้แสดงให้เห็นสัญญาณที่ดีกับความแข็งแกร่ง และความคล่องแคล่ว โดดเด่นกับการสัมผัสบอลเป็นครั้งแรก เอาชนะในการเข้าปะทะให้เราได้เห็นอย่างต่อเนื่อง คาดการณ์ว่าลูกครอสริมเส้นโดยมี “นูนเญซ” เป็นเป้าหมายจะกลายเป็นอาวุธหนักชิ้นใหม่ของทัพ “หงส์แดง” ในฤดูกาลนี้เมื่อเราได้เห็นความพยายามดังกล่าวในการประสานงานระหว่าง “เทรนท์” กับเจ้าตัวต่อเนื่อง

ติดตามข่าวสารฟุตบอลไปกับเรา คลิก

ห้ามพลาด !!

อัพเดทข่าวสารแวดวงกีฬาพร้อมทีเด็ดแม่นๆจากกูรูชั้นนำ

คลิกเลย @Gurusportv1

บทความฟุตบอล ลิเวอร์พูล

บทความฟุตบอล ลิเวอร์พูล กับเหตุที่ว่าทำไมพวกเขาถึงยังไม่ต้องซื้อกองกลาง ในตลาดฤดูร้อน

บทความฟุตบอล ลิเวอร์พูล หลังจากที่พวกเขาสามารถคว้าดาวรุ่งทั้ง 3 ราย อย่าง ฟาบิโอ คาร์วัลโญ, ดาร์วิน นูนเญซ และ คาลวิน แรมซีย์ มาร่วมทัพตั้งแต่ช่วงแรกที่ตลาดเปิด ดูเหมือนว่าแฟนบอลของทัพ “หงส์แดง” แต่ดูเหมือนว่าแฟนบอลจะไม่ค่อยเชื่อมั่นว่าพวกเขาจะยังมีสิทธิ์ลุ้น 4 แชมป์ได้เหมือนฤดูกาลก่อนได้ นั่นก็เพราะว่าในแผงกลางยังไม่มีนักเตะหน้าใหม่เข้ามาเสิรมทัพแม้แต่รายเดียว

หลาย ๆ คนต่างเรียกร้องให้พวกเขานั้นเสริมแดนกลางให้แข็งแกร่งพอที่จะสามารถต่อกรกับ “แมนเชสเตอร์ ซิตี้” ในทวงถ้วยแชมป์ “พรีเมียร์ลีก” กลับคืนมาดังขึ้นเป็นระยะ ตัวเลือกต่าง ๆ ถูกโยงเข้ามาอย่างไม่ขาดสายไม่ว่าจะเป็นนักเตะเก่าอย่าง “จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม” หรือ “นิโคโล บาร์เรลลา” ห้องเครื่องชั้นดีของ “อินเตอร์ มิลาน” แต่สุดท้ายแล้ว ก็ไม่มีความเคลื่อนไหวใด ๆ จาก “เยอร์เก้น คล็อปป์” และทีมงาน

ซึ่งแน่นอนว่านายใหญ่ชาวเยอรมันอาจจะยังคงใช้งานนักเตะชุดเดิมที่มีอยู่ในตอนนี้ โดยมี 3 นักเตะหลักอย่าง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ฟาบินโญ และ ติอาโก้ อัลคันทารา บวกกับแบ็คอัพอย่าง นาบี เกอิต้า, อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน, เคอร์ติส โจนส์, ฮาร์วีย์ เอลเลียต, ไทเลอร์ มอร์ตั้น และ เจมส์ มิลเนอร์ คอยหมุนเวียนสับเปลี่ยนตามสถานการณ์ดั่งเช่นที่เคยทำเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา

เหล่าบรรดาแฟนบอลอาจจะสงสัยว่า มันเพียงพอต่อการคว้าแชมป์จริง ๆ หรือ? แต่เราเชื่อได้เลยว่า “คล็อปป์” อาจจะมีคำตอบให้แล้วว่าทำไม “ลิเวอร์พูล” ไม่จำเป็นต้องเสริมแดนกลางในตลาดฤดูร้อนนี้

ฟาบิโอ คาร์วัลโญ นักเตะที่ “ลิเวอร์พูล” ตามหามานาน

บทความฟุตบอล ลิเวอร์พูล

คาร์วัลโญ คือสตาร์ที่ “คล็อปป์” ตามตัวเขามาตั้งแต่เดือนมกราคม แต่ด้วยข้อติดขัดเรื่องเอกสารจึงทำให้เขาต้องพลาดโอกาสนี้ไป ก่อนจะมาตกลงกันใหม่หลังจากนั้นอีกไม่กี่เดือนต่อมา

หลายคนมองว่า นี่คือตัวแทนของ “ฟิลิปเป้ คูตินโย” หรือนักเตะหมายเลข 10 ที่ “ลิเวอร์พูล” นั้นตามหามานาน แต่ว่ากันว่าทีมงานสต๊าฟฟ์โค้ชต้องการจับเขามาเล่นในแหน่งกองกลางเพื่อให้ระบบ 4-3-3 นั้นสมบูรณ์ยิ่งขึ้น

10 ประตูกับอีก 8 แอสซิสต์ที่ทำให้กับ “ฟูแลม” ใน “เดอะแชมเปี้ยนชิพ” จนสามารถพาทีมคว้าแชมป์ และเลื่อนขั้นกลับมาเล่นใน “พรีเมียร์ลีก” ได้อีกครั้ง นี่คือสิ่งที่การันตรีแล้วว่าดาวเตะชาวโปรตุเกสรายนี้ได้มีโอกาสลงเล่นในทีมชุดใหญ่ของ “ลิเวอร์พูล” อย่างแน่นอน ซึ่งอาจไม่ใช่ในฐานะเพลย์เมคเกอร์หมายเลข 10 ด้วย

นี่อาจเป็นโอกาสสุดท้ายของ ดิอ็อกซ์ 

บทความฟุตบอล ลิเวอร์พูล

น่าเซอร์ไพรส์อยู่เหมือนกันที่ “อ็อกซ์เลด” จะได้รับโอกาสอีกครั้งในดูกาลหน้า ซึ่งเป็นฤดูกาลสุดท้ายแล้วในสัญญาฉบับปัจจุบันของเขา หลังจากที่มีการประกาศออกมาว่าจะไม่มีการปล่อยสู่ตลาดในช่วงฤดูร้อนนี้

เหตุผลที่ “คล็อปป์” ยังคงเลือกที่จะใช้งานแข้งวัย 29 ปีรายนี้ต่อไป นั่นก็เพราะว่าพวกเขาพลาดการคว้าตัว “ชูอาเมนี” ไปให้กับ “เรอัล มาดริด” พร้อมกับโปรเจ็คที่จะดึง “จู้ด เบลลิงแฮม” มาเสริมทัพในฤดูกาลหน้า ทำให้โอกาสยังคงเป็นของแข้งชาวผู้ดีรายนี้ต่อไป

เหตุผลหนึ่งที่ คล็อปป์ เลือกเก็บแข้งวัย 29 ปีเอาไว้เนื่องจากการพลาดการคว้าตัว ชูอาเมนี ไปให้กับ เรอัล มาดริด พร้อมกับโปรเจ็คที่จะดึง จู้ด เบลลิงแฮม มาเสริมทัพในฤดูกาลหน้า ทำให้โอกาสยังคงเป็นของแข้งชาวผู้ดีรายนี้

ระบบการเล่นอาจมีการเปลี่ยนแปลง

บทความฟุตบอล ลิเวอร์พูล

การได้ตัว “ดาร์วิน นูนเญซ” มาเสริมทัพ ทำให้มีการพูดถึงการกลับไปใช้ระบบ 4-2-3-1 เหมือนในช่วงแรกที่ “คล็อปป์” เข้ามาคุมทีม และนั่นอาจทำให้เหลือแผงกลางในสนามเพียง 2 รายเท่านั้น

ระบบนี้นอกจากจะเป็นประโยชน์ต่อแข้งชาวอุรุกวัยแล้ว ยังเป็นประโยชน์ต่อ “ฟาบิโอ คาร์วสันโญ” ที่คุ้นเคยกับแผนการเล่นแบบนี้เป็นอย่างดีอยู่แล้ว ในช่วงที่ยังค้าแข้งกับ “ฟูแลม” ลแะมีโอกาสที่จะได้ลงสนามคู่กับ “โม ซาลาห์” และ “หลุยส์ ดิอาซ” ในแผงเกมรุก 3 คนหลังกองหน้าตัวเป้าด้วย

แถม “เคอร์ติส โจนส์” และ “ฮาร์วีย์ เอลเลียต” ก็อาจจะได้ลงเล่นในเกมรุกตามที่ตัวเองถนัดมากกว่าเดิม ในขณะที่ตรงกลางโควต้าจะเหลือแค่ 2 ที่นั่ง ซึ่งตัวเลือกที่มีอยู่ถือว่าเพียงพอต่อการใช้งาน ไม่จำเป็นต้องหาใครเพิ่มเติมแต่อย่างใด

ติดตามข่าวสารฟุตบอลไปกับเรา คลิก

ห้ามพลาด !!

อัพเดทข่าวสารแวดวงกีฬาพร้อมทีเด็ดแม่นๆจากกูรูชั้นนำ

คลิกเลย @Gurusportv1

บทความฟุตบอล ลิเวอร์พูล

บทความฟุตบอล ลิเวอร์พูล กับ 5 ฤดูกาลที่ใช้เงินทุ่มซื้อนักเตะมากที่สุด

บทความฟุตบอล ลิเวอร์พูล ในตอนนี้ดูเหมือนจะเสียกำลังหลักหลาย ๆ คนจากการย้ายออกจากทีมหลังหมดสัญญา ซึ่งแน่นอนว่าทางบอดร์ดบริหารของสโมสรอาจจะมีบิ๊กดีล เพื่อมาทดแทนในตำแหน่งที่ขาดหายไปในช่วงซัมเมอร์นี้

แต่นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขาได้ทำการทุ่มเงินก้อนใหญ่กับเหล่าบรรดานักเตะทั้งหลาย ซึ่งในช่วงก่อนหน้านี้ก็มีการใช้จ่ายเงินมหาศาลในช่วงตลาดซื้อขายอยู่หลายครั้ง ซึ่งวันนี้เราจะพาทุกท่านไปพบกับ 5 ฤดูกาลที่ทัพ “หงส์แดง” เคยทุ่มเงินซื้อนักเตะกันมากที่สุดกัน

อันดับที่ 5 ฤดูกาล 2010/11 : มูลค่ารวม 87.9 ล้านปอนด์

สำหรับในฤดูกาลนี้ทัพ “หงส์แดง” เพิ่งเข้าสู่ยุคของ “รอย ฮอดจ์สัน” แถมในยุคนี้ยังมีการปล่อยตัวสตาร์นักเตะออกจากทีมอยู่หลายราย ทั้ง “เฟร์นันโด ตอร์เรส” และ “ฮาเวียร์ มาสเซราโน” ส่วนในการตามล่านักเตะรายใหม่เรียกได้ว่าทุ่มกันแบบสุด ๆ ด้วยการกระชากตัว 2 กองหน้าอย่าง “หลุยส์ ซัวเรซ” จาก “อาแจ็กซ์” มาด้วยมูลค่า 23.8 ล้านปอนด์ และ “แอนดี้ แคร์โรว” จาก “นิวคาสเซิล” ด้วยมูลค่า 36.9 ล้านปอนด์ มาเสริมทัพในช่วงวินเทอร์ โดยที่ก่อนนี้พวกเขาก็ได้มีการใช้กับนักเตะไปมากมาย ดังนี้

ราอูล เมเรเลส จาก เอฟซี ปอร์โต้ 11.7 ล้านปอนด์ / คริสเตียน โพลเซน จาก ยูเวนตุส 4.9 ล้านปอนด์ / พอล คอนเชสกี้ จาก ฟูแลม 3.7 ล้านปอนด์ / แบรด โจนส์ จาก มิดเดิลสโบรห์ 2.5 ล้านปอนด์ / แดนนี วิลสัน จาก เรนเจอร์ส 2.4 ล้านปอนด์ / จอนโจ เชลวีย์ จาก ชาร์ลตัน 1.8 ล้านปอนด์ / มิลาน โยวาโนวิช จาก สตองดาร์ด ฟรี / โจ โคล จาก เชลซี ฟรี

อันดับที่ 4 ฤดูกาล 2015/16 : มูลค่ารวม 113.8 ล้านปอนด์

ในช่วงตลาดซื้อขายฤดูร้อน “แบรนเดน ร็อดเจอร์ส” ยังคงเป็นกุนซือของทัพ “หงส์แดง” ก่อนที่จะมาเปลี่ยนเป็น “เยอร์เก้น คล็อปป์’ ในอีกไม่กี่เดือนถัดมา โดยในฤดูกาลนี้ “บีร็อด” ทุ่มเงินซื้อนักเตะชื่อดังหลายคนมาร่วมทัพ ดังนี้

คริสเตียน เบนเตเก้ จาก แอสตัน วิลลา 41.8 ล้านปอนด์ / โรแบร์โต้ ฟิร์มิโน จาก ฮอฟเฟนไฮม์ 36.9 ล้านปอนด์ / เนธาน ไคลน์ จาก เซาแธมป์ตัน 15.9 ล้านปอนด์ / แดนนี อิงส์ จาก เบิร์นลีย์ 7.4 ล้านปอนด์ / มาร์โก กรูยิช จาก เร้ดสตาร์ 6.3 ล้านปอนด์ / โจ โกเมซ จาก ชาร์ลตัน 4.4 ล้านปอนด์ / ไทโว อโวนิยี จาก อิมพีเรียล 9 แสนปอนด์ / อดัม บ็อกดาน จาก โบลตัน ฟรี / เจมส์ มิลเนอร์ จาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ฟรี / สตีเฟน คอลเกอร์ จาก คิวพีอาร์ ยืมตัว

อันดับที่ 3 ฤดูกาล 2014/15 : มูลค่ารวม 136.2 ล้านปอนด์

ในฤดูกาลที่ 2013/2014 พวกเขาชวดแชมป์ลีกไปอย่างน่าเสียดาย แต่กลับมาในซีซั่นนี้ “ร็อดเจอร์ส” พยายามที่สร้างความแข็งแกร่งให้กับทีมอย่างหนังหน่วง เพื่อกลับไปท้าทายบัลลังก์แชมป์อีกครั้ง แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้สำเร็จเท่าที่ควร ด้วยการจบอันดับที่ 6 อย่างไรก็ตามพวกเขาดึงตัวนักเตะใหม่เข้ามาถึง 9 คนด้วยกันดังนี้

อดัม ลัลลานา จาก เซาแธมป์ตัน 27.9 ล้านปอนด์ / เดยัน ลอฟเรน จาก เซาแธมป์ตัน 22.7 ล้านปอนด์ / ลาซาร์ มาร์โควิช จาก เบนฟิก้า 22.5 ล้านปอนด์ / มาริโอ บาโลเตลลี จาก เอซี มิลาน 18 ล้านปอนด์ / อัลแบร์โต้ โมเรโน จาก เซบีญา 16.2 ล้านปอนด์ / ดิวอค โอริกี้ จาก ลีลล์ 11.3 ล้านปอนด์ / เอ็มเร ชาน จาก ไบเออร์ เลเวอร์คูเซน 10.8 ล้านปอนด์ / ริคกี้ แลมเบิร์ต จาก เซาแธมป์ตัน 4.9 ล้านปอนด์ / ฮาเวียร์ มานกิลโญ จาก แอตฯ มาดริด ยืมตัว

อันดับที่ 2 ฤดูกาล 2017/18 : มูลค่ารวม 156.4 ล้านปอนด์

หากจะบอกว่าในฤดูกาลนี้คือจุดเริ่มต้นที่จะทำให้ “ลิเวอร์พูล” กลับมายิ่งใหญ่อีกครั้งคงไม่เกินจริงเลยแม้แต่นย้อย เพราะในฤดูกาลนี้ แม้พวกเขาจะเสริมทัพไม่ได้มากมายอะไรเท่านัก แต่เป็นการดึงนักเตะมาเติมในจุดที่ทีมขาดหายไปได้อย่างลงตัว ซึ่งนักเตะหลาย ๆ คนก็ยังคงเป็นกำลังหลักให้กับทีมมาจนถึงปัจจุบัน

เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค จาก เซาแธมป์ตัน 76.1 ล้านปอนด์ / โมฮาเหม็ด ซาลาห์ จาก โรมา 37.8 ล้านปอนด์ / อเล็กซ์ อ็อกซ์เหลด แชมเบอร์เลน จาก อาร์เซนอล 34.2 ล้านปอนด์ / โทนี กัลลาเชอร์ จาก ฟัลเคิร์ก 2 แสนปอนด์ / โดมินิค โซลันเก้ จาก เชลซี ฟรี

อันดับที่ 1 ฤดูกาล 2018/19 : มลค่ารวม 163.9 ล้านปอนด์

หลังจากพลาดท่าอยู่หลายต่อหลายครั้งให้กับ “เรอัล มาดริด” ในรอบชิงชนะเลิศ “ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก” ในฤดูกาลก่อนหน้า “เยอร์เก้น คล็อปป์” และบอดร์บริหารของ “ลิเวอร์พูล” จัดการเสริมทัพอีกครั้ง ด้วยควักเงินซื้อนักเตะเป็นจำนวนเยอะที่สุดในประวัติศาสตร์ของพวกเขาทั้งสิ้น 4 ราย รวมเป็นเงินสูงถึง 163 ล้านปอนด์ ซึ่งการเสริมทัพในครั้งนี้ส่งผลให้เขาสามารถคว้าแชมป์ยุโรปมาครองได้สำเร็จ

อลิสซอน เบ็คเกอร์ จาก โรมา 56.2 ล้านปอนด์ / นาบี เกอิต้า จาก แอร์เบ ไลป์ซิก 54 ล้านปอนด์ / ฟาบินโญ จาก โมนาโก 40.5 ล้านปอนด์ / เซอร์ดาน ชากิรี จาก สโต๊ค ซิตี้ 13.2 ล้านปอนด์

ติดตามข่าวสารฟุตบอลไปกับเรา คลิก

ห้ามพลาด !!

อัพเดทข่าวสารแวดวงกีฬาพร้อมทีเด็ดแม่นๆจากกูรูชั้นนำ

คลิกเลย @Gurusportv1

บทความฟุตบอล ลิเวอร์พูล

บทความฟุตบอล ลิเวอร์พูล ยังไม่หมดโอกาสลุ้นแชมป์!!

บทความฟุตบอล ลิเวอร์พูล กับโอกาสในการคว้าแชมป์ทั้ง 4 ลีก ซึ่งในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาพวกเขาได้เจอกับอุปสรรค์เข้าอย่างจัง หลังจากเปิดบ้านโดน “สเปอร์” บุกมายันเสมอเอาไว้ได้ ในขณะที่ทางฝั่งของ “แมนเชสเตอร์ ซิตี้” ที่แข่งลงแข่งในเวลาต่อมาได้ฉวยโอกาสที่รองจ่าฝูงพลาดท่าทำแต้มหกด้วยการขยี้ “นิวคาสเซิล” แบบยับเยินเพื่อบันดาลโทสะหลังตกรอบ “ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก” ด้วยน้ำมือของ “เรอัล มาดริด”

ถึงแม้ว่า “เยอร์เกน คล็อปป์” จะยอมรับว่าการจะแข่งให้ “กวาร์ดิโอลา” ทำแต้มหล่นบ้างในสามเกมสุดท้ายนั้นเป็นเรื่องยากเอามาก ๆ แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นเช่นนั้นเสียทีเดียว เมื่อเรามองเห็นว่าทั้งสองทีมมีคะแต้มห่างกันแค่ 3 คะแนนเท่านั้น และประตูได้เสียของ “หงส์แดง” ก็เป็นรองแค่ 4 ประตูเช่นกัน

แผงหลังอัมพาต

บทความฟุตบอล ลิเวอร์พูล

รูเบน ดิอาส, จอห์น สโตนส์ และ ไคล์ วอล์คเกอร์ ได้รับการยืนยันแล้วว่าจะไม่ได้เข้าร่วมกับสามเกมที่เหลืออยู่ในลีกของ “แมนเชสเตอร์ ซิตี้” เหตุจากอาการบาดเจ็บ

อย่างที่เราทราบกันดีว่า “เป๊ป” มีตัวเลือกค่อนข้างจำกัดในแผงหลัง และจริงอยู่ที่ผู้เล่นอย่าง อายเมริค ลาปอร์ต, คันเซโล และ ซินเชนโก ยังพอมาแทนที่ในช่องโหว่ที่หายไปได้

แต่มันจะพอให้พวกเขาต้านทานเอาไว้ได้ตลอดจนจบสามเกมที่เหลือได้จริง ๆ หรือไม่?

บุกรัง “หมาป่า” คงไม่ง่าย

บทความฟุตบอล ลิเวอร์พูล

นายยใหญ่ และลูกทีม “แมนฯ ซิตี้” เก็บชัยได้เพียงนัดเดียวเท่านั้นจากสามเกมหลังที่ไปเยือนถิ่น “โมลินิวซ์?” โดยเป็นการแพ้ไปหน และเสมออีกหน

นอกจากนี้หัวหอกของพวกเขาอย่าง “คอเนอร์ โคอาดี้” ยังเป็นชาว “เมอร์ซี่ไซด์” โดยแท้ ดังนั้นเขาจะต้องใส่เต็มสูบในเกมนี้เพื่อทีมรักของเขาอย่างแน่นอน

ติดตามข่าวสารฟุตบอลไปกับเรา คลิก

ห้ามพลาด !!

อัพเดทข่าวสารแวดวงกีฬาพร้อมทีเด็ดแม่นๆจากกูรูชั้นนำ

คลิกเลย @Sport88s

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า