บทความฟุตบอล มาร์เซโล ถึงเวลาที่ต้องอำลา “เรอัล มาดริด” แล้ว
สำหรับนักเตะชาติบราซิลวัย 34 ปีรายนี้ คือนักเตะที่ได้กลายเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของทัพ “ราชันชุดขาว” อย่างน่าเหลือเชื่อ หากเรามองจากวันแรกในช่วงเดือนมกราคม 2007 ที่เขาย้ายมาเล่นในลีกสูงสุดของสเปนเป็นครั้งแรก “เรอัล มาดริด” มองเขาเป็นเด็กหนุ่มที่มีอนาคตใกล และน่าสนใจเป็นอย่างมาก การเซ็นสัญญาของเขาในครั้งนั้นไม่ใช่เรื่องที่ฮือฮาอะไรมากนัก แม้กระทั่งข่าวที่ว่าเขาจะเป็นตัวแทนของ “โรเบร์โต้ คาร์ลอส” แข้งระดับตำนานก็ดูจะเป็นเรื่องที่เกินตัวไปหน่อยในช่วงเวลานั้น เพราะอย่างที่เราทราบกันดี “เรอัล มาดริด” ก็ไม่ต่างจากสโมสรทั่วไปที่มีการเซ็นสัญญาก็เหมือนการเสี่ยงดวง คุณไม่มีวันรู้เลยว่าวันไหนจะดวงดี วันไหนจะดวงหล่น
15 ปีผ่านไป “เรอัล มาดริด” มีนักเตะในตำแหน่งฟูลแบ็คหลายรายเข้ามาสู่ทีม บางคนก็เข้ามาพร้อมกับคาดหวังสูงลิบลิ่ว บางคนมาพร้อมโปรไฟล์ที่ดี ราคาค่าตัวแพง แต่สุดท้ายคนที่ยังคงอยู่คือ “มาร์เซโล” แน่นอน แต่แน่นอนที่สุด จากเด็กหนุ่มวัย 18 ในวันนั้นกลายมาเป็นหนุ่มใหญ่วัย 30 กลาง ๆ วันนี้ เขาคือผู้นำของเหล่าบรรดานักเตะชุดใหญ่ ที่มีตัวตายตัวแทนของเขามาถึงอย่างเป็นเรื่องเป็นราว
“เฟร์ลอน เมนดี้” อาจไม่ใช่นักเตะบราซิลแบบที่เขาเป็น แต่มาทดแทนในตำแหน่งตัวจริงด้วยพลังหนุ่ม ด้วยความสามารถที่กำลังไปได้ดี บทบาทในสนามของ “มาร์เซโล” ก็ลดลงไปตามกาลเวลา เหลือเพียงความเป็นผู้นำในทีมที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในตัวเขา เจ้าตัวได้รับความเคารพจากในห้องแต่งตัวในฐานะรุ่นพี่ที่มีความเป็นมืออาชีพ
แต่นั่นก็ไม่มากพอต่อความต้องการของเรอัล มาดริด และแน่นอนไม่มากพอสำหรับมาร์เซโล และเลือกที่จะจากลาบนพื้นหลังวันอำลาคืองานฉลองแชมเปี้ยนส์ ลีก สมัยที่ 14 ของสโมสร สมัยที่ 5 ของเขาเอง ที่แม้จะไม่ได้อยู่ในสนามตลอดเกม แต่ในวินาทีแห่งการชูถ้วย “คาริม เบนเซม่า” รุ่นน้องที่เข้ามารับบทบาทกัปตันทีม ยื่นปลอกแขนให้กับเขาในฐานะคนสุดท้ายที่จะได้รับเหรียญ และคนแรกที่ได้ชูถ้วย “บิ๊กเอียร์” ทำให้เขาเป็นชาวบราซิลรายแรกในทัพ “ราชันชุดขาว” ที่ได้ชูถ้วยแชมป์นี้ในฐานะกัปตันทีม
“ใช่แล้ว นี่คือเกมสุดท้ายของผมกับ เรอัล มาดริด” นี่อาจเป็นคำกล่าวสั้น ๆ แต่มันก็เต็มไปด้วยเรื่องราวที่ดี
แชมป์กว่า 25 สมัย ตลอด 15 ปี ส่งผลให้เขาเป็นหนึ่งในเตะที่คว้าถ้วยพร้อมกับ “เรอัล มาดริด” ได้มากที่สุดในประวัติศาสตร์ มันช่างเป็นเวลาที่ยาวนานเหลือเกิน ซึ่งมันก็ต้องถึงเวลาที่ต้องอำลากันแล้ว
กว่า 546 เกม 38 ประตู และอีก 103 แอตซิสต์ จบชีวิตการเป็นนักเตะภายใต้ชุดสีขาวที่ตนรับใช้มาตลอด 15 ปี ด้วยการคว้าแชมป์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในวงการฟุตบอลยุโรปอีกครั้ง ไม่มีการอำลาใดที่จะน่าปลื้มใจไปกว่านี้แล้ว
ติดตามข่าวสารฟุตบอลไปกับเรา คลิก
ห้ามพลาด !!
อัพเดทข่าวสารแวดวงกีฬาพร้อมทีเด็ดแม่นๆจากกูรูชั้นนำ
คลิกเลย @Gurusportv1