บทความฟุตบอล จอห์น โอบี มิเกล กับความจริงที่เขาไม่ได้ชื่อ “มิเกล” !?
อย่างไรก็ตาม เรื่องราวเบื้องหลังชื่อของเขากลับมีความซับซ้อนไปยิ่งกว่านั้น เมื่อทางสหพันธ์ฟุตบอลไนจีเรียดันไปลงทะเบียนชื่อของเขาโดยใช้ชื่อปลอมเสียงั้น
จุดเริ่มต้นของเรื่องราวชวนงงในครั้งนี้ เกิดขึ้นในการแข่งขันฟุตบอลโลกรุ่น U-17 เมื่อปี 2003 ซึ่งทางไนจีเรียดันไปใส่ชื่อของเขา “มิเกล” ทั้งที่เจ้าตัวมีชื่อจริง ๆ ว่า “จอห์น โอบี มิคาเอล”
ชื่อของเขาเพี้ยนกลายเป็น “มิเกล” เนื่องจากข้อผิดพลาดในการลงทะเบียน มันคือความผิดพลาดของเจ้าหน้าที่จากไนจีเรียที่ดันใส่ชื่อนักเตะไม่ถูกต้อง และส่งผลให้ชื่อที่ติดบนหลังเสื้อของแข้งรายนี้ต้องติดคำว่า “Mikel” ไปด้วย
ชื่อของเขาเพี้ยนกลายเป็น มิเกล เนื่องจากข้อผิดพลาดในการลงทะเบียน เพราะเจ้าหน้าที่ของไนจีเรียดันใส่ชื่อนักเตะไม่ถูกต้อง และส่งผลให้ชื่อที่ติดบนหลังเสื้อแข่งของนักเตะต้องติดว่า Mikel ไปด้วย
ขณะที่ตัวของ จอห์น โอบี มิเกล เคยเล่าถึงเรื่องนี้ในรายการวิทยุ ‘Beyond the Game’ ไว้ว่า
“ผมได้ไปเล่นให้ทีมชาติในรายการของชุด U17 และพวกเขาสะกดชื่อของผมผิด”
“ผมเห็นชื่อที่ติดหลังเสื้อแข่งของผม แล้วผมก็แบบว่า อะไรกัน นี่ไม่ใช่ชื่อผม”
ทว่าการได้มารับรู้ความผิดพลาดของเจ้าหน้าที่ทีมในช่วงก่อนเริ่มเกมเพียงแค่ 20 นาทีเท่านั้น ก็ทำให้ไม่สามารถแก้ไขความผิดพลาดได้ทัน และต้องปล่อยเลยตามเลย
“ผมเล่นเกมนั้นได้ดีเลยนะ (มิเกลกล่าวพร้อมหัวเราะแบบติดตลกไปด้วย) และก่อนเกมต่อมา พวกเขามาถามผมว่า เราควรแก้ไขชื่อไหม แต่ผมบอกไปว่าปล่อยมันไว้แบบนั้นแหละ”
และนั่นก็ส่งผลให้ ‘Michael’ กลายเป็น ‘Mikel’ ตั้งแต่นั้นมา
เขาตัดสินใจลงเล่นโดยใช้ชื่อว่า “มิเกล ต่อไปเรื่อย ๆ จนถึงขั้นที่ภายหลังก็ตัดสินใจเปลี่ยนชื่อทางการของตัวเองให้กลายเป็น “จอห์น โอบี มิเกล” (John Obi Mikel)
อย่างไรก็ตามความป่วนเรื่องชื่อของเขายังไม่จบเพียงเท่านั้น ต้องย้อนกลับไปในปี 2016 เจ้าตัวตัดสินใจย้ายไปค้าแข้งในประเทศจีน เขาตัดสินใจลงทะเบียนโดยสลับตำแหน่งชื่อ และสนามสกุลของตัวเองให้กลับมาเป็นชื่อที่ถูกต้อง
สาเหตุที่ทำให้เจ้าตัวทำเช่นนั้นก็เพราะว่า เขาต้องการให้ชื่อนำหน้าของตัวเองกลายเป็น มิเกล ซึ่งถือเป็นชื่อนำโชคตามหลักศาสนาคริสต์แล้ว และเจ้าตัวก็ได้ทำการเปลี่ยนชื่อจริงของตัวเองกลายเป็น “จอห์น โอบี” ให้มาเป็นนามสกุลไปซะเลย
ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังคงเลือกติดชื่อหลังเสื้อแข่งเป็น “มิเกล” ต่อไป เพราะไม่อยากให้แฟนบอลที่ซื้อเสื้อไปต้องสับสนนั่นเอง
“มิเกล” ไม่ได้สนใจเพียงแค่เรื่องชื่อของเขา เพราะผลงานในสนามของเขากับทัพ “สิงห์บลู” นั่นถือว่าเป็นเรื่องที่ใหญ่ซะมากกว่า ด้วยการคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก 3 สมัย เอฟเอ คัพ 3 สมัย , ลีก คัพ 1 สมัย , คอมมิวนิตี้ ชิลด์ 1 สมัย รวมถึงในระดับยุโรปก็เคยได้ทั้งแชมป์ UCL และยูโรป้า ลีก
หลังการย้ายออกจากถิ่น “สแตมฟอร์ด บริดจ์” เขาก็พาตัวเองร่อนเร่ไปถึง เทียนจิน เต๋อด้า , มิดเดิ้ลสโบรห์ , แทร็บซอนสปอร์ และ สโต๊ค ซิตี้
ในขณะที่สโมสรล่าสุดที่เจ้าตัวได้เซ็นสัญญาด้วย คือ “คูเวต เอสซี” ซึ่งเขากลายเป็นนักเตะไร้สังกัดนับตั้งแต่หมดสัญญากับสโมสรเมื่อเดือนพฤศจิกายนในปี 2021 โดยในตอนนี้เจ้าตัวก็ยังไม่ได้ประกาศแขวนสตั๊ดแต่อย่างใด และยังคงเชื่อมั่นว่าแฟนบอลของ “เชลซี” จะยังคงไม่ลืมชื่อของเจ้าตัวไปอย่างแน่นอน แม้ว่านี่จะไม่ใช่ชื่อจริง ๆ ของเขาแต่แรกก็ตาม
ติดตามข่าวสารฟุตบอลไปกับเรา คลิก
ห้ามพลาด !!
อัพเดทข่าวสารแวดวงกีฬาพร้อมทีเด็ดแม่นๆจากกูรูชั้นนำ
คลิกเลย @Gurusportv1