ข่าวบอล 10 นักเตะย้ายเล่นในพรีเมียร์ลีก ในช่วงตลาดซื้อขายนักเตะรอบ 2 เดือนมกราคม โดยเฉพาะ เชลซี ที่ลงทุนมหาศาลกว่า 300 ล้านปอนด์
ข่าวบอล 10 นักเตะย้ายเล่นในพรีเมียร์ลีก เริ่มต้นด้วยดีลที่ราคาสูงลิบลิ่วของ เชลซี ควักเงินคว้าตัว เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ ด้วยสถิติแพงที่สุดในวงการลูกหนังเมืองผู้ดี โดยพวกเขายอมจ่ายสูงถึง 107 ล้านปอนด์ (ราว 4,494 ล้านบาท) เพื่อกระชากแข้งดาวรุ่งแชมป์โลกมาจาก เบนฟิก้า สำหรับการเสริมแกร่งในช่วงฤดูหนาวที่ผ่านมา ต้องบอกว่ามีนักเตะหลายคนที่สร้างผลกระทบในเชิงบวกให้กับต้นสังกัดใหม่ ขณะเดียวกันก็มีผู้เล่นหลายคนที่ไม่สามารถตอบแทนเม็ดเงินที่สโมสรทุ่มซื้อตัวมาร่วมทัพได้
งานนี้ลองมาวิเคราะห์ 10 สตาร์ดังที่มีโอกาสได้ย้ายมาเล่นกับสโมสรใหม่ พร้อมตัดเกรดว่าบรรดาทีมต่างๆ คิดถูกหรือผิดที่ยอมควักกระเป๋าเพื่อคว้าสตาร์เหล่านี้มาเสริมแกร่ง
1. เลอันโดร ทรอสซาร์ จาก ไบรท์ตัน ค่าตัว 27 ล้านปอนด์ (ราว 1,134 ล้านบาท)
อาร์เซน่อล ตัดสินใจคว้าตัว ทอรสซาร์ มาเสริมแกร่งด้วยค่าตัว 27 ล้านปอนด์ หลังจากที่พวกเขาพลาดได้ตัว มิคฮายโล มูดริค ที่โดน เชลซี ปาดหน้าแย่งตัวไปร่วมทัพ
แนวรุกชาวเบลเยียม สามารถโชว์ฟอร์มได้อย่างสุดยอดให้กับต้นสังกัดใหม่ทันที ด้วยเหตุนี้บรรดาสาวก “เดอะ กันเนอร์ส” เข้าใจได้ทันทีว่าทำไม มิเกล อาร์เตต้า ถึงอยากเซ็นสัญญากับเขา โดยผลงานของนักเตะจัดการซัดไป 1 ประตูกับ 6 แอสซิสต์ จากการเล่นแค่ 12 เกมเท่านั้น
ทรอสซาร์ มีส่วนสำคัญที่ช่วยทำให้ อาร์เซน่อล รักษาฟอร์มการเล่นที่คงเส้นคงวา และยึดตำแหน่งจ่าฝูงอย่างเหนียวแน่น โดยนักเตะสามารถเล่นได้ทั้งปีก และหน้าเป้า ที่สำคัญเขาเพิ่งจะสร้างผลงานมาสเตอร์พีซทำ 3 แอสซิสต์ในครึ่งแรกเกมถลุง ฟูแล่ม 3-0
2. เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ จาก เบนฟิก้า ค่าตัว 107 ล้านปอนด์ (ราว 4,494 ล้านบาท)
เฟร์นานเดซ ย้ายมาด้วยค่าตัวมหาศาล ฉะนั้นนักเตะจึงต้องแบกความหวังเอาไว้เต็มบ่า แต่ สตาร์ชาวอาร์เจนไตน์ ซึ่งคว้ารางวัลแข้งดาวรุ่งยอดเยี่ยมฟุตบอลโลก 2022 ยังไม่สามารถงัดฟอร์มเก่งออกมาได้เหมือนตอนเล่นให้กับทัพ “ฟ้าขาว”
นักเตะยังไม่ค่อยได้มีส่วนร่วมกับเกมของ เชลซี มากนัก และยังต้องใช้เวลาเพื่อปรับตัวอีกสักพัก อย่างไรก็ตามผลงานของเจ้าตัวก็ค่อยๆ พัฒนาอย่างต่อเนื่องหลังจากผ่านการเล่นในลีกเมืองผู้ดีไปกว่า 2 เดือนที่ผ่านมา
แข้งวัย 22 ปีมีจังหวะการเข้าเสียบสกัดที่แม่นยำ, ผ่านบอลได้เฉียบคม และพร้อมที่จะสู้ในทุกจังหวะ ด้วยเหตุนี้ทำให้เขายังคงมีอนาคตสดใสกับการเล่นให้กับยอดทีมแห่งถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์
3. มิคฮายโล มูดริค จาก ชัคห์ตาร์ โดเน็ทสค์ ค่าตัว 88 ล้านปอนด์ (ราว 3,696 ล้านบาท)
เชลซี ทุ่มเงินมหาศาลรอบ 2 เพื่อคว้าตัว มูดริค มาร่วมทัพ โดยงานนี้พวกเขาลงทุนปาดหน้า อาร์เซน่อล คู่อริร่วมกรุงลอนดอน แต่ดูเหมือนว่าการลงทุนครั้งนี้จะไม่ค่อยสำฤทธิ์ผลซักเท่าไหร่
สำหรับช่วงแรกที่ย้ายมาอยู่กับทีม ดูเหมือนนักเตะไม่ค่อยประสบความสำเร็จมากนัก อย่างไรก็ตาม มูดริค ยังมีเวลาที่จะสร้างผลงานดีมีคุณภาพหลังจากที่เซ็นสัญญายาวกับต้นสังกัดถึง 7 ปี
ในเกมเปิดตัวที่แอนฟิลด์ นักเตะทำผลงานได้อย่างสุดยอด แต่หลังจากนั้นก็ค่อยๆ เงียบหายเข้ากลีบเมฆ การทำได้เพียงแค่ 1 แอสซิสต์จาก 6 เกม แน่นอนว่ามันไม่คุ้มค่าเอาซะเลย แต่ก็อย่างที่เกริ่นเอาไว้ว่าเขายังมีเวลาที่จะปรับตัวกับเกมลีกเมืองผู้ดี และน่าจะได้เห็นอะไรเด็ดๆ ในอนาคต
4. ชูเอา เฟลิกซ์ จาก แอตเลติโก มาดริด ยืมตัว
ต้องบอกว่าเป็นอีกหนึ่งในนักเตะที่ เชลซี คว้าตัวมาเสริมแกร่ง โดย เฟลิกซ์ เริ่มต้นด้วยการสร้างผลงานดีมีคุณภาพด้วยการตะบันไปสองประตูจากการลงสนาม 7 เกมให้กับต้นสังกัดชั่วคราว
แม้นักเตะจะเปิดตัวไม่ค่อยสวยหรูเมื่อโดนใบแดงในเกมกับฟูแล่ม แต่หลังจากนั้น สตาร์ชาวโปรตุกีส สามารถงัดพรสวรรค์ออกมาช่วย “สิงห์บลูส์” ได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งทักษะการครองบอลที่เหนียวแน่น และการผ่านบอลอย่างเฉียบคมในพื้นที่สุดท้าย แน่นอนว่าสาวกเชลซีพอใจในระดับหนึ่งเลยทีเดียว
ผลงานของ เฟลิกซ์ ทำให้หลายคนเข้าใจแล้วว่าทำไม แอต. มาดริด ถึงยอมทุ่มเงิน 111 ล้านปอนด์ (ราว 4,662 ล้านบาท) ซื้อตัวมาร่วมทัพเมื่อปี 2019 และงานนี้มีสิทธิ์ที่บอร์ดบริหารเชลซี อาจพิจารณาซื้อตัวเขามาร่วมทัพแบบถาวรหลังจบฤดูกาลนี้ก็ได้
5. โคดี้ กัคโป จาก พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น ค่าตัว 44 ล้านปอนด์ (ราว 1,848 ล้านบาท)
กัคโป เป็นหนึ่งในนักเตะที่ได้รับการจับตามองอย่างมากหลังทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมกับพีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น โดย ลิเวอร์พูล สร้างเรื่องสุดเซอร์ไพรส์ที่ปาดหน้า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ควรตัวมาร่วมทัพได้สำเร็จ ทั้งๆ ที่นักเตะมีข่าวกับ “ผีแดง” มาตลอด
สำหรับการคว้าตัว แข้งชาวดัตช์ มาร่วมทัพบอกเลยว่าทำเอาสาวก “เดอะ ค็อป” ฝันหวานกันสุดๆ เพราะพวกเขาจะได้เห็น 3 ประสานอย่าง กัคโป, ดาร์วิน นูนเญซ และ โมฮาเหม็ด ซาลาร์ เล่นร่วมกัน
แม้ว่านักเตะจะเริ่มต้นในช่วงแรกๆ กับ “หงส์แดง” ไม่ค่อยโดดเด่นนัก โดยยิงไม่ได้เลยใน 3 เกมแรกในศึกพรีเมียร์ลีก แต่หลังจากนั้นผลงานของเขาค่อยๆ พัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง และตอนนี้ก็ตะบันไปแล้ว 4 ประตูจาก 6 เกมหลังสุด
6. มาร์เซล ซาบิตเซอร์ จาก บาเยิร์น มิวนิค ยืมตัว
ซาบิตเซอร์ เป็นการเสริมทัพแบบฉุกเฉินเนื่องจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องขาด คริสเตียน เอริคเซ่น ที่ได้บาดเจ็บหนักต้องพักรักษาตัวนาน โดยในช่วงแรกๆ เขาอาจทำผลงานไม่ค่อยโดดเด่นแต่หลังจากนั้นก็เล่นดีมาตลอด
ดาวเตะชาวออสเตรีย โชว์ฟอร์ได้อย่างยอดเยี่ยมเมื่อลงสนามคู่กับ เฟร็ด และทำผลงานได้โดดเด่นอีกครั้งในเกมกับ เลสเตอร์ ซิตี้ ด้วยเหตุนี้ทำให้สาวก “เร้ด อาร์มี่” รู้ว่าว่า ซาบิตเซอร์ น่าจะเป็นยางอะไหล่ชั้นดีหากได้ย้ายมาอยู่ในถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด แบบถาวร
การที่ทีมต้องขาด กาเซมีโร่ จากการโดนใบแดง ซาบิตเซอร์ สามารถเข้ามาทดแทนตำแหน่งได้อย่างยอดเยี่ยม และคงไม่มีใครปฏิเสธว่าเขาคือหนึ่งในแข้งคีย์แมนของ แมนฯ ยูไนเต็ด ในฤดูกาลนี้
7. เวาท์ เว็กฮอร์สต์ จาก เบิร์นลี่ย์ ยืมตัว
ผลงานของ เว็กฮอร์สต์ อาจจะไม่เป็นไปตามที่คาดหวังในฐานะหน้าเป้า แต่ถ้าหากมองภาพรวมต้องยอมรับว่านักเตะมีส่วนสำคัญในเกมรุกของ แมนฯ ยูไนเต็ด อย่างแท้จริง เพราะอย่างน้อยๆ การได้เขามาร่วมทัพช่วยให้ มาร์คัส แรชฟอร์ด ยิงประตูได้มากยิ่งขึ้น
หัวหอกชาวดัตช์ ไม่สามารถงัดฟอร์มการยิงประตูได้มากนัก แต่เขามีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์เกมบุกของทีมบ่อยๆ ผลงานซัด 2 ประตูในเกมฟุตบอลถ้วย โดยที่ยังไม่สามารถยิงประตูในพรีเมียร์ลีก ได้ แน่นอนว่าถือเป็นเรื่องที่น่าผิดหวังสำหรับคนที่ได้ชื่อว่าเป็นกองหน้า
อย่างไรก็ตาม การมีส่วนร่วมกับเกมของ เว็กฮอร์สต์ ช่วยให้ทีมสร้างโอกาสยิงประตูได้หลายครั้ง ฉะนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่สโมสรกำลังพิจารณาเซ็นสัญญากับเขาแบบถาวร โดยหวังจะนำมาใช้เป็นยางอะไหล่มากกว่าเป็นตัวหลักในแดนหน้า
8. แอนโธนี่ กอร์ดอน จาก เอฟเวอร์ตัน ค่าตัว 45 ล้านปอนด์ (ราว 1,890 ล้านบาท)
กอร์ดอน เป็นหนึ่งในเด็กสร้างชั้นดีของ เอฟเวอร์ตัน โดยเขาพัฒนาพรสวรรค์อย่างต่อเนื่อง จนทำให้มีข่าวว่า เชลซี พร้อมทุ่มเงินไปร่วมทัพ แต่สุดท้ายกลายเป็น นิวคาสเซิ่ล ที่ได้ตัวไปเสริมแกร่ง
“สาลิกาดง” ไม่รีรอที่จะทุ่มเงิน 45 ล้านปอนด์เพื่อคว้า ดาวจรัสแสงวงการลูกหนังอังกฤษ มาร่วมทีม หลังนักเตะแสดงออกอย่างชัดเจนว่าต้องการโบกมือลาถิ่นกูดิสัน พาร์ค ช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา
ดูเหมือนการทุ่มเงินครั้งนี้ของ “เดอะ แม็กพายส์” จะไม่ค่อยคุ้มเพราะนักเตะได้ลงสนามแค่ 163 นาทีจากจำนวน 4 เกมแถมยังยิงประตูและแอสซิสต์ให้ต้นสังกัดใหม่ไม่ได้เลย แต่ยังมีเวลาให้เขาได้พิสูจน์ตัวเองอีกเยอะ
9. อาร์เนาต์ ดันยูม่า จาก บียาร์เรอัล ยืมตัว
อาร์เนาต์ ดันยูม่า ย้ายมาเล่นให้กับ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ หลังจากทำผลงานสุดยอดให้กับ บียาร์เรอัล อย่างไรก็ตามชีวิตใหม่กับ “ไก่เดือยทอง” ไม่เป็นอย่างที่ฝัน โดยเขาได้เล่นแค่ 11 นาทีในเกมพรีเมียร์ลีกเท่านั้น
ดาวเตะชาวดัตช์ ต้องนั่งตบยุงเป็นตัวสำรองโดยที่ไม่ถูกส่งลงสนามถึง 6 ครั้งแม้ว่านักเตะอย่าง ริชาร์ลิซอน, ซน ฮึง-มิน, และ เดยัน คูลูเซฟสกี้ มีปัญหาในการทำประตูให้กับสโมสร
จากสถานการณ์แบบนี้แน่นอนว่า ดันยูม่า ไม่มีความสุขที่ต้องเล่นภายใต้การกุมบังเหียนของกุนซืออันโตนิโอ คอนเต้ และเขาคงไม่ต้องการอยู่กับสโมสรต่อไป
10.เกย์ลอร์ นาบาส จาก ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ยืมตัว
นาบาส ถือเป็นผู้รักษาประตูที่ได้รับการประเมินฝีมือต่ำกว่าความเป็นจริงในยุคของเขา แต่การย้ายมาเฝ้าเสาในถิ่นซิตี้ กราวนด์ เจ้าตัวทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม และช่วยเซฟจังหวะสำคัญได้หลายครั้งหลายหน
เป็นที่ทราบกันดีว่า น็อตติงแฮม ฟอเรสต์ มีเกมรับที่หละหลวมสุดๆ และนั่นเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ นาบาส ต้องเสียประตูบ่อยๆ โดยเขาโดนเจาะตาข่ายไปแล้ว 14 ลูกจาก 7 เกมที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม นายด่านวัย 36 ปีซึ่งมีประสบการณ์ในการคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ร่วมกับ เรอัล มาดริด ถือว่าเป็นการเสริมทัพที่ดี โดยเฉพาะในช่วงที่ ดีน เฮนเดอร์สัน ต้องรักษาอาการบาดเจ็บ
ศูนย์รวม ทรรศนะฟุตบอล วิเคราะห์บอล พร้อมทั้ง ทีเด็ดบอล ทีเด็ดเซียน จากกูรูคุณภาพ
อัพเดท ผลฟุตบอลทั่วโลก พรีเมียร์ลีก ไทยลีก ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก ให้แบบสดๆร้อนๆ
ข่าวตลาดซื้อขายนักเตะ ข่าวฟุตบอลต่างประเทศ ไฮไลท์บอลย้อนหลัง คัดเน้นๆด้วยข้อมูลที่แน่น
ติดตาม ข่าวสารฟุตบอล ไปกับเรา ศูนย์รวม ทรรศนะฟุตบอล
อัพเดทข่าวสารแวดวงกีฬาพร้อมทีเด็ดแม่นๆจากกูรูชั้นนำ
คลิกเลย @UFA88SV1